Last updated: 21 เม.ย 2560 | 1700 จำนวนผู้เข้าชม |
อะโวคาโด สรรพคุณเปี่ยมล้น ช่วยทั้งลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แถมยังป้องกันอ้วนลงพุงได้อีก
แค่อ้วนลงพุงก็เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายโรค ทั้งเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ เพราะสาเหตุของการอ้วนลงพุงเกิดมาจากไขมันที่สะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นไขมันชนิดไม่ดีต่อสุขภาพซะด้วย ดังนั้นหากเราลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายลงได้ ปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดก็คงจะลดลง เช่นเดียวกับปัญหาโรคอ้วนลงพุงที่ก็คงจะลดลงด้วยเช่นกัน แต่วิธีที่จะทำให้เราลดความเสี่ยงต่อโรคและความอ้วนลงพุงได้ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ควรทำอะไรบ้าง บอกเลยว่าไม่ยาก แค่กินอะโวคาโดเท่านั้นเอง
ข้อมูลนี้ไม่ได้มาลอย ๆ ค่ะ การันตีสรรพคุณอะโวคาโดจากนักวิจัยชาวอิหร่านที่ทำการวิจัยและบันทึกผลไว้ที่วารสาร Phytotherapy Research กันเลย โดยนักวิจัยได้รีวิวข้อมูลจากงานวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณอะโวคาโดถึง 129 งานวิจัย เพื่อเปรียบเทียบและศึกษาความเกี่ยวข้องของอะโวคาโดกับการลดปัญหาอ้วนลงพุง ทั้งในส่วนการทดลองที่ใช้เนื้ออะโวคาโดล้วน ๆ รวมไปถึงงานวิจัยที่ทำการทดลองทั้งใบอะโวคาโด เปลือกอะโวคาโด น้ำมันอะโวคาโดสกัด และเมล็ดอะโวคาโดด้วย
ซึ่งจากการเก็บข้อมูลงานวิจัยทั้งหมดทั้งมวล นักวิจัยก็พบว่า อะโวคาโดมีสรรพคุณเด่นในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และการกินผลไม้รสมันชนิดนี้ก็ดันมีผลต่อระดับไขมันชนิดเลวในเลือด (LDL) ไขมันชนิดดีในเลือด (HDL) ระดับไตรกลีเซอไรด์ เปอร์เซ็นต์ไขมันรวมในเลือด และกรดไขมันรวมทั้งหมดในร่างกาย...ในทางที่ดีซะด้วย
เพราะผลการวิจัยที่ผ่าน ๆ มาแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า การกินอะโวคาโดทุกวันมีส่วนช่วยลดไขมัน ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน ความเสี่ยงโรคอ้วน ความเสี่ยงโรคหัวใจหลอดเลือด และโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่เกิดจากภาวะอ้วนลงพุง ที่สำคัญการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง 30 คนที่มีระดับไขมันในเลือดปกติ กับกลุ่มตัวอย่าง 37 คนที่มีไขมันในเลือดสูงกว่าปกติเล็กน้อย เมื่อไดเอตร่วมกับการทานอะโวคาโด 1 สัปดาห์ก็พบว่า ค่า LDL คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งนักวิจัยได้อธิบายกลไกการลดไขมันในร่างกายของอะโวคาโดไว้ว่า ผลไม้ชนิดนี้มีส่วนในการควบคุมการย่อยสลายกรดไขมันในร่างกาย และควบคุมการทำงานของตับและตับอ่อนในส่วนของการเลือกดูดซึมไขมันและการเผาผลาญไขมัน อีกทั้งยังมีส่วนช่วยสร้างเซลล์ในตับที่ส่งผลให้เอนไซม์สำหรับสังเคราะห์ไขมันในร่างกายมีจำนวนเพิ่มขึ้น เกิดการเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้งานวิจัยยังเผยข้อมูลสำคัญมาด้วยว่า อะโวคาโดมีส่วนในการช่วยลดน้ำหนัก ยืนยันจากผลการทดลองในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวเกินและเป็นโรคอ้วน กินอะโวคาโดวันละ 1 ผล ติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ซึ่งพบว่าน้ำหนักตัวของกลุ่มอาสาลดลง รวมไปถึงดัชนีมวลรวม (BMI) และเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน อีกทั้งยังมีอีกงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า คนที่กินอะโวคาโดเป็นประจำจะมีน้ำหนักตัวและรอบเอวต่ำกว่าคนที่ไม่ได้กินอะโวคาโดเลย แม้กลุ่มที่กินอะโวคาโดจะไม่ได้กินอาหารไขมันสูงน้อยลงก็ตาม
นั่นแสดงให้เห็นว่า อะโวคาโดสามารถช่วยเราป้องกันภาวะอ้วนลงพุง ภาวะพุงปลิ้น และช่วยลดเปอร์เซ็นต์ไขมันชนิดไม่ดีในร่างกายได้จริง ๆ เพราะผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งเป็นไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ไขมันชนิดนี้จะเข้าไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีในร่างกายและทำให้ไขมันชนิดที่ไม่ดีอย่างคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลง
อีกทั้งกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโดยังจะช่วยชะลอการไหลเวียนของน้ำตาลในเลือด พร้อมกับลดภาวะต้านอินซูลินในร่างกาย และกรดไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวยังช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มหลังมื้ออาหาร แถมยังดีต่อความดันโลหิต และระบบป้องกันการอักเสบได้อีกต่างหากนะ
เห็นชัดแล้วใช่ไหมคะว่าสรรพคุณของอะโวคาโดเด็ดดวงขนาดไหน ดังนั้นใครยังไม่เคยคิดจะลิ้มลองอะโวคาโดเลยสักครั้งในชีวิต ตอนนี้เปลี่ยนความคิดก็ยังทัน มากินอะโวคาโดวันละ 1 ผลกันเถอะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
time
medicalnewstoday
sciencetimes
20 ก.ค. 2563
18 ก.ค. 2563