อย่าทิ้ง! เปลือกไข่ มีประโยชน์มากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย

Last updated: 19 Apr 2017  |  1962 Views  | 

อย่าทิ้ง! เปลือกไข่ มีประโยชน์มากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย

อย่าทิ้ง! เปลือกไข่ มีประโยชน์มากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย
 
ณโยนเปลือกไข่ทิ้งใช่หรือไม่? อ่านจบแล้วคุณจะเปลี่ยนใจไปตลอดกาล

เปลือกไข่ เป็นแหล่งธรรมชาติของแร่ธาตุและมีแคลเซียม 90% แคลเซียมจะถูกดูดซึมได้อย่างง่ายดายโดยร่างกายของเรา เพราะองค์ประกอบทางเคมีของมันเกือบจะเหมือนกับฟันและกระดูกของมนุษย์




     หากบริโภคในปริมาณมาก แคลเซียมจะไม่เพียงถูกกำจัดด้วยอาการขาดแคลเซียม แต่จะยังป้องกันไม่ให้พัฒนาเป็นโรคกระดูกพรุน กระตุ้นไขกระดูกในการผลิตเซลล์เม็ดเลือด และช่วยในเรื่องการรักษาระดับคอเลสเตอรอลสูงและความดันโลหิตสูง

     เปลือกไข่ยังประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส ฟลูออรีน ฟอสฟอรัส โครเมียมและโมลิบดีนัม ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงแนะนำว่าเปลือกไข่เป็นอาหารเสริมแคลเซียมตามธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพมาก ซึ่งแนะนำให้ใช้เปลือกไข่บดละเอียดวันละ 1.5-3 กรัม

ข้อต่อไปนี้คือวิธีการนำเปลือกไข่ไปใช้

     1.สร้างความเข้มแข็งของอวัยวะในร่างกาย และทำความสะอาดเลือด

     ล้างเปลือกไข่ 5 ฟอง บดให้ละเอียดแล้วใส่ลงในน้ำ 3 ลิตร นำส่วนผสมนี้ไปใส่ไว้ในตู้เย็น 7 วัน ก่อนที่จะนำมันมาดื่มเป็นน้ำ ดื่มส่วนผสมนี้วันละสองถึงสามแก้ว คุณยังสามารถบีบน้ำมะนาวเพื่อเพิ่มรสชาติได้อีกด้วย

     2.ต่อมไทรอยด์ นำเปลือกไข่ 8 ฟอง ล้างให้สะอาดและบดให้ละเอียด เทน้ำมะนาวสองลูกลงบนเปลือกไข่บด และแช่ไว้ในตู้เย็นเป็นเวลาหลายวัน เมื่อเปลือกไข่นุ่มขึ้น แยกกากให้เหลือแต่น้ำ นำมาผสมกับเครื่องดื่มลาเกีย (Rakia) 1 ลิตร และน้ำผึ้ง 1 กิโลกรัม ทิ้งส่วนผสมนี้ไว้ให้ได้เจ็ดวันก่อนนำมาใช้ บริโภคครั้งละหนึ่งช้อนชา วันละสองถึงสี่ครั้งต่อวันหลังมื้ออาหาร

     3.โรคกระเพาะ, แผลในกระเพาะอาหาร บดเปลือกไข่ ใช้ปลายมีดตักขึ้นมา ด้วยเปลือกไข่ปริมาณเท่านี้เพียงพอที่จะรักษาโรคนี้ได้ ผสมเปลือกไข่บดเข้ากับน้ำมะนาวสองช้อนชา เมื่อเปลือกไข่นุ่มลง ใส่นมร้อนเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งเดซิลิตร บริโภคส่วนผสมนี้วันละสองครั้ง บริโภคตอนเช้าในช่วงท้องว่าง และตอนเย็นก่อนเข้านอน

อ้างอิง...naturalhealthcareforyou.com 


บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพทั้งหมด ทางเว็บไซต์ได้รวบรวมไว้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อ่านเท่านั้น จึงไม่สามารถนำไปใช้นำไปอ้างอิงหรือใช้แทนการวินิจฉัยของแพทย์ได้ หากมีการนำข้อมูลในเว็บไซต์ไปใช้ ทางเว็บไซต์จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากการนําข้อมูลดังกล่าวไปใช้ ในทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำอธิบายเพิ่มเติม และควรต้องทราบว่า ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเป็นข้อมูลทั่วๆ ไป ไม่สามารถนำมาใช้ได้กับคนไข้ทุกๆคน


Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy